บทความที่ได้รับความนิยม

วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

ปราสาทแห่งตำนานขอม





                              

ปราสาทตาเมือนธม(หรือช่องเขาตาเมียง) เทือกเขาพนมดงรัก  เป็นปราสาทขนาดใหญ่ที่สุดในอุทยานประวัติศาสตร์กลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งประกอบด้วยปราสาทหินสามหลัง เรียงลำดับจากขนาดใหญ่ไปขนาดเล็ก คือ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาเมือน

ฉันอยากจะนำเสนอเรื่องปราสาทนี้ขึ้นมา เนื่องจากช่วงเดือน เมษายนที่ผ่านมาของปี2554นี้ ดิฉันได้กลับบ้านที่ต่างจังหวัดอยู่ที่ จ.สุรินทร์ ซึ่งหมู่บ้านที่ฉันได้อาศัยอยู่นั้นได้อยู่ใกล้กับปราสาทตาเมือนและดิฉันก็ได้ไปเที่ยวที่ปราสาทนี้กับครอบครัวของฉันซึ่งทุกๆปีจะมีการจัดงานเชื่อมสัมพันธ์ไทยกัมพูชาที่ปราสาทแห่งนี้ช่วง   วันที่ 11 เมษายนของทุกปีซึ่งปี2554นี้เป็นปีที่10
ตอนที่ฉันได้เจอปราสาทนี้ครั้งแรกเมื่อตอน7ปีที่แล้วฉันรู้สึกเหมือนได้อยู่อีกดินแดนหนึ่งของโลกใบนี้ซึ่งเป็นสิงมหัสจรรย์และแปลกประหลาดมาก เพราะปราสาทแห่งนี้ได้สร้างด้วยก้อนหินขนาดใหญ่แล้วนำมาตั้งซ้อนกันเป็นรูปทรงปราสาทอย่างที่คุณได้เห็นในรูป ซึ่งมีชาวบ้านผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่ากันมาว่าปราสาทแห่งนี้ได้ทำมาจากดินเหนียวที่คนสมัยก่อนได้ช่วยกันขุดหลุมเป็นบ่อใหญ่ๆ เมื่อมีฝนตกลงมาดินที่ขุดไว้ก็จะเปียกและเหนียวแล้วเขาก็จะนำเอาดินในบ่อนั้นมาช่วยกันก่อสร้างจนเกิดขึ้นเป็นปราสาทให้ลูกหลารุ่นหลังได้เห็นและศึกษาในปัจจุบัน





ตัวปราสาทตาเมือนธม หันหน้าไปทางทิศใต้ ผิดแผกจากแห่งอื่นซึ่งมักจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก รับกับเส้นทางที่มาจากเขมรต่ำผ่านมาทางช่องทางตาเมือนนี้
ปราสาทตาเมือนธมประกอบด้วยปราสาทประธาน มีอาคารอื่น คือปรางค์ก่อด้วยหินทรายสองหลัง อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันตกเฉียงเหนือของปราสาทประธาน มีบรรณาลัยศิลาแลงสองหลัง และนอกระเบียงคดทางทิศเหนือ มีสระน้ำขนาดเล็กสองสระ
ปราสาทแห่งนี้อยู่ใกล้เขตชายแดนเขมรมากที่สุด การเที่ยวชมจึงควรอยู่เฉพาะภายในเขตปราสาทเท่านั้น ไม่ควรเดินออกไปไกลจากแนวต้นไม้รอบปราสาทเพราะพื้นที่นี้ยังไม่ปลอดภัยนัก เนื่องจากพื้นที่ทั้งหมดในป่าแห่งนี้  เต็มไปด้วยระเบิดทั้งของทหารไทยและของทหารของกัมพูชา มีแต่คนชำนานทางเท่านั้นที่จะเข้าไปได้เพราะจะรู้หลักและทิศทางการเดินในป่าที่จะไม่ให้เหยีบระเบิด
 
ประวัติของปราสาทตาเมือน  ซึ่งประที่ดิฉันได้บรรยายนี้ไม่ได้มาจากเว็ปไซด์ใดๆ แต่เป็นการบอกเล่าของบรรพบุรุษของสืบทอดกันมาจนถึงลูกหลาน ในป่าใหญ่แห่งหนึ่งได้มีนายพรานได้เข้าไปล่าสัตว์และได้ไปพบกับไก่ป่ามีขนาดตัวใหญ่มาก และนายพรานผู้นั้นก็ได้ตามล่าไก่ตัวนั้นเข้าไปในป่าจจนได้ไปพบกับปราสาทแห่งนี้ จนได้ชื่ว่า (ปราสาทตาเมือนธม เป็นภาษาของเขมร แปลว่า  ตามไก่ใหญ่)


                                           นี่คือรูปถายของดิฉันเองค่ะ มือใหม่หัดถ่าย

                                         เก็กซะเต็มที่ไม่เห็นหน้าเลย เบื่อชั่งกล้องจริงๆ


อยากบอกว่าเวลานั้นร้อนมากๆ  ถึงจะร้อนแค่ไหนแต่ก็ขอแอ๊ปไว้ก่อนะจ๊ะ
ประตูทะลุมิติ สังเกตุให้ดีช่องประตูนี้ทะลุกันได้นะคะ
นายแบบของฉัน  ความหมั่นใจเต็มร้อยแต่หน้าตาไมได้ช่วยอะไรเลย


นั่งพักสักหน่อย กว่าจะเดินมาถึงเล่นเอากับหอบไปเลย

มุมนี้สวยสุดๆไปเลยใช่ไหมคะ นี่คือปราสาทตาควาย ซึ่งผู้คนเรียกแผงมาจากปราสาทตาวาย





    แต่หลังจากที่ชาวบ้านได้ไปร่วมงานเชื่อมความสัมพันธ์ไทยกัมพูชาได้ไม่นาน ก็ได้เกิดเหตุการณ์ร้ายๆ
ขึ้นที่สถานที่แห่งนี้ ซึ่งทุกท่านอาจจะได้รู้เรื่องข่าวสารกันบ้างแล้ว ที่กัมพูชาได้โจมตียิงทหารของไทยได้ทำให้นายทหารเสียชีวิตหลายนาย และได้มีการออกข่าวหรือสื่อต่างๆเป็นจำนวนมาก
ตัวฉันรู้สึกเศร้าและเสียใจมากในช่วงเวลาขณะนั้น เพราะไม่ใช่แค่ทหารของไทยกัมพูชาที่สู้รบกันเท่านั้น
แต่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านระแหวกนั้นต้องพากันย้ายออกจากพื้นที่ ที่พักอาศัยออกไปให้พ้นเขตวิถีกระสุนของฝั่งกัมพูชา ซึ่งฉันได้มีความวิตกกังวลและหวาดกลัวมากเนื่องจาก คนในครอบครัวของฉันได้ตกอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย โดยเฉพาะน้องสาวอันเป็นที่รักและยายซึ่งมีอายุมากถึง 90ปีแล้ว
เขาทั้ง2คนต้องพากันตกอยู่เหตุการณ์ที่หน้าหวาดกลัว ซึ่งเวลานั้นฉันกับแม่ได้แต่รอฝั่งข่าวจากทางบ้านว่าเป็นอย่างไรบ้างเพราะตัวฉันกับแม่ได้อยู่ที่กรุงเทพฯ และจะช่วยเหลืออะไรก็ไม่ได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วเรื่องร้ายๆก็ได้ผ่านไปด้วยดี


 ท้ายสุดนี้ดิฉันก็ขอให้นายทหารทั้งหลายที่ได้ช่วยชาวบ้านที่ใกล้เขตุพื้นที่ชายแดนนั้นให้เขาแคล้วคาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งปรวงขอให้พระศรีรัตนตรัยโปรดจงคุ้มครอง  และก็ให้นายทหารที่ได้เสียชีวิตในเหตุการณ์ที่เกิดึ้นนั้นไปสู่สุขติและอยู่ในภพภูมิที่ดีสมกับที่เขาได้สละชีวิตเพื่อปกป้องบ้านเมือง

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

ประวัติของฉัน

ถึงหน้าตาไม่ค่อยดีแต่ผู้หญิงที่ดีต้องมีศักดิ์ศรี
คำสั่งสอนของบรรพบุรุษ  ถึงแม้ว่าวันหนึ่งเราต้องใช้ชีวิตเพียงลำพัง แต่เราก็ต้องก้าวต่อไปแม้ว้าบางครั้งจะหมดหวังก็ตาม
อย่าคิดว่าเป็นโชคชะตาหรือพรหมลิขิต แต่จงคิดว่าสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรามัน คือ (บทเรียนแห่งชีวิต)
จงเลือกเส้นทางเดินที่ดีให้แก่ชีวิต แล้วจะพบกับความสุขในวันข้างหน้า
ดิฉันชื่อ นางสาวสาวิตา   นะคะโต   (ป๊อกกี้)
เพื่อนชอบให้ฉายาน้องพุดเดิ้ล นะก้ะกาก้า
ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่  7 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2534 ที่ โรงพยาบาลหัวเขียว
มารดาผู้ให้กำเนิด  นางสาวเขียว  ทองหล่อ นามนำหน้ายังสาวอยู่เลย (รักมากที่สุดในชีวิต)
เพราะพรหมลิขิต  จึงทำให้เราต้องห่างไกลกัน   แต่ความผูกพันระหว่างเรายังอยู่ใกล้กันเสมอ
บิดาผู้ให้กำเนิด   นายอำนวย    นะคะโต   (คุณพ่อเสียแล้ว)
ถึงแม้ว่าพ่อจะลาลับจากลูกไป    แต่ในใจลูกดวงนี้ยังมีพ่อเสมอ
ยังเฝ้ารักเฝ้าห่วงและพร่ำเพ้อ      ขอให้ชาติหน้าเราได้พบเจอ
และเป็นพ่อลูกกันอีกครั้ง......

จบเรื่องเศร้าในชีวิตแล้วก็มาพบกับความจริงในปัจจุบัน
ปัจจุบันดิฉันมีชื่อในทะเบียนบ้านที่อาศัยอยู่  บ้านเลขที่67  หมู่10 ต.ตาเมียง     อ.พนมดงรัก   จ.สุรินทร์
และปัจจุบันอยู่ห้องเช่า ห้อง107 ซอยเพชรเกษม 95 เขตอ้อมน้อย  แขวงกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร
ทำงานอยู่บรษัท  Cal compแผนกQC Auditor
จบการศึกษาในระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่6เป็นการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย
และกำลังศึกษาต่อในระดับ ป.ว.ส วิทยาลัยชุมชนสมุทรสาคร และก็มีเกณคาดว่า
ในอนาคตจะศึกษาจนจบปริญญาตรีเป้าหมายในอนาคตที่คาดหวังไว้ คือหางานที่มั่นคง
และรายได้ต้องมากพอสำหรับเลี้ยงสมาชิกในครอบครัวได้
บุคลิกภาพของฉัน ฉันเป็นคนที่บุคลิกชอบเฮฮาชอบที่จะทำตัวให้ตัวเองและคนรอบข้างมีความสุข
ผู้ชายในสเป็คของฉัน  หน้าตาพอดูได้แต่ที่สำคัญต้องรักฉันแค่คนเดียว ข้ามโกหก ปริ้นปร่อน
กรระร่อน ตอแหลไม่มากไปใช่ไหมค่ะ
คติประจำใจในการใช้ชีวิตให้อยู่รอดเพียงตัวคนเดียว
อย่าท้อเมื่อเกิดปัญหา   ต้องกล้าที่จะสู้เมื่อเจออุปสรรค
ประวัติของดิฉันก็ไม่มีอะไรมากมายหรอกค่ะดิฉันก็ขอจบการบรรยายชีวิตเพียงเท่านี้







วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

การศึกษาไม่มีวันสิ้นสุดหากเราคิดที่จะใฝ่รู้

การศีกษาสำหรับมนุษย์เรา

คุณรู้หรือไม่ว่าการศึกษาในปัจจุบันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ ต่อตัวของเรา และคนในครอบครัวของเราเป็นอย่างมาก หากว่าเราขาดการศีกษาหรือความรู้ ก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนที่ไร้ซี่งความคิด และอาจจะเป็นเหยื่อให้กับพวกมิจฉาชีพได้ เพราะในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีใหม่๐และความรู้ใหม่ๆได้พัฒนาขี้นมามากมาย จนเรานั้นไม่สามารถที่จะตามมันได้ทันเลยทีเดียว